วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รู้เท่าทัน ป้องกันโรคปริทันต์

                                            เหงือกอักเสบบวมแดง มีเลือดออกง่าย บางตำแหน่งมีเหงือกร่น


ท.พญ.ฉัตรแก้ว บริบูรณ์หิรัญสาร 
       งานทันตกรรม



มีผู้คนไม่น้อยที่เจ็บปวดด้วยโรคปริทันต์ หรือรำมะนาด เพื่อให้คุณรู้จักดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ มีคำแนะนำมาฝากค่ะ 


โรคปริทันต์อักเสบ หรือ “รำมะนาด” สาเหตุเริ่มต้นมาจากการทำความสะอาดฟันไม่ดีพอ ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย เมื่อทิ้งไว้นานขึ้นจะมีการตกตะกอนของแร่ธาตุจากน้ำลาย จนกลายเป็น “หินปูน” หรือ หินน้ำลาย ที่ไม่สามารถแปรงออกได้ หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดการทำร้ายเหงือกได้อย่างรุนแรงนะคะ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นโรคปริทันต์นะคะ เนื่องจากเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันของแต่ละคนด้วย 
   โดยธรรมชาติร่างกายจะหลั่งสารออกมาเพื่อกำจัดเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา ขณะเดียวกัน ก็ทำร้ายเนื้อเยื่อของตัวเองด้วย จึงเกิดเป็นโรคปริทันต์ขึ้น แต่หลายคนมักเข้าใจว่า เป็นเพียงโรคเหงือกอักเสบเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว การอักเสบนั้น จะลุกลามทำลายอวัยวะรอบๆ ฟันด้วย เช่น กระดูกเบ้าฟัน เอ็นยึดฟัน และผิวรากฟัน ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคปริทันต์รุนแรง ฟันจะโยกและอาจทำให้สูญเสียฟันได้
       
       สัญญาณอันตรายเมื่อเกิดโรคปริทันต์ คือ มีเลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน เหงือกบวมแดง หรือมีหนอง มีกลิ่นปาก ฟันโยก เมื่อมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรมาพบทันตแพทย์ทันที เพื่อการตรวจรักษาที่ถูกต้องและถูกวิธีนะคะ

                                                ภายหลังขูดหินปูนแล้ว



สำหรับการรักษาโรคปริทันต์ ขั้นแรกต้องทำการกำจัดเชื้อที่สะสมอยู่ก่อน โดยการขูดหินปูนให้สะอาด และเกลารากฟัน ทำให้ผิวรากฟันเรียบ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ร่องเหงือกลึกๆ และฟันกรามด้านในที่มีหลายๆ ราก ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เวลา และทำซ้ำหลายๆ ครั้งให้สะอาด บางรายอาจต้องใช้ยาชาร่วมด้วย จากนั้น 4-6 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะนัดกลับมาดูอาการอีกครั้ง ถ้ายังมีร่องลึกปริทันต์เหลืออยู่ อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขความพิการของกระดูกเบ้าฟันที่ถูกทำลายไป ซึ่งการผ่าตัด จะเป็นการเข้าไปทำความสะอาดในตำแหน่งที่เครื่องมือไม่สามารถทำความสะอาดได้ถึง หรือทำการปลูกกระดูกในลักษณะรอยโรคที่เอื้อต่อการเกิดกระดูกใหม่ เมื่อผ่าตัดแล้วผู้ป่วยควรได้รับการตรวจติดตามผลการรักษา และให้ทันตแพทย์ขูดหินน้ำลาย เพื่อทำความสะอาดฟันเป็นประจำทุกๆ 3 เดือน เป็นการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคปริทันต์อีกค่ะ
       
       โรคปริทันต์ สามารถป้องกันได้ ด้วยการทำความสะอาดช่องปากและฟัน อย่างถูกวิธี ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันบริเวณซอกฟันทุกครั้ง รวมถึงเลิกสูบบุหรี่ ก็จะช่วยให้มีสุขภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรงไปนานๆ ค่ะ
ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th 
9 พฤษภาคม 2555 08:47 น.













 





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น