This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หญิงมะกันปล่อย ก้อนมะเร็ง ลุกลามหนัก 23 กก. รอใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ

ดร.เดวิด ดูปรี ขณะทำการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งหนัก 23 กิโลกรัมออกจากช่องท้องของหญิงวัย 65 ผู้หนึ่ง
 รอยเตอร์ - คณะแพทย์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็งน้ำหนัก 51 ปอนด์ (23 กิโลกรัม) ออกจากร่างของสตรีผู้หนึ่งซึ่งขอเลื่อนการผ่าตัดมานานกว่า 1 เดือน เพื่อจะได้สิทธิ์ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ แพทย์เผยวานนี้ (3)
       
       “เธอเป็นผู้หญิงร่างผอมบาง แต่ท้องมีขนาดโตมาก ดูเหมือนคนท้องลูกแฝดสาม” ดร.เดวิด ดูปรี หัวหน้าคณะแพทย์ผู้ผ่าตัดให้กับ เอเวอลีน วัย 65 ปี ที่ศูนย์พยาบาลริเวอร์วิว เมืองเรดแบงก์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ระบุ
       
       ก่อนจะมาโรงพยาบาลประมาณ 6-8 สัปดาห์ เอเวอลีนรู้สึกเจ็บภายในช่องท้อง และน้ำหนักตัวปกติ 54.5 กิโลกรัมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
       
       ดูปรีเปิดเผยว่า คนไข้รายนี้มาพบแพทย์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน หลังอายุครบ 65 ปีได้เพียง 4 วัน ซึ่งทำให้เธอมีสิทธิ์ใช้ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ
       
       “ที่เธอไม่ยอมมาพบแพทย์ก่อนหน้านี้เพราะยังไม่มีประกัน” แพทย์ระบุ
       


       น้ำหนักของเอเวอลีนพุ่งพรวดถึง 77 กิโลกรัม ขาบวมเพราะเส้นเลือดขอด และร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก จากการสแกนพบก้อนมะเร็งขนาดใหญ่กดทับเส้นเลือด inferior vena cava ที่นำเลือดกลับสู่หัวใจ ซึ่งอยู่ในขั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
       
       สุขภาพของเอเวอลีนอ่อนแอเกินกว่าจะผ่าตัดได้ทันที ดูปรีจึงนัดผ่าตัดในวันที่ 11 มิถุนายน เพื่อให้เธอปรับสมดุลน้ำในร่างกาย และควบคุมความดันโลหิตให้ปกติเสียก่อน
       
       อย่างไรก็ตาม เอเวอลีนเกิดอาการหายใจไม่ออกในเย็นวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน คณะแพทย์จึงตัดสินใจทำการผ่าตัดทันที
       
       หลังผ่าช่องท้องออกดู ดูปรีและทีมแพทย์พบก้อนเนื้อมะเร็งซึ่งเกิดจากเนื้อเยื่อไขมันรอบๆลำไส้แผ่คลุมอวัยวะภายในหลายจุด จนแพทย์ต้องใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงค่อยๆ ตัดเนื้อร้ายออก “ทีละมิลลิเมตร”
       
       เอเวอลีนยังคงรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์พักฟื้น และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ
       
       แม้จะตัดเนื้อร้ายออกแล้ว แต่คุณป้ารายนี้ยังต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกต่อไปอีก เนื่องจากการผ่าตัดอาจไม่ได้กำจัดเซลล์มะเร็งออกไปทั้งหมด และอาจต้องเข้ารับการฉายรังสีหรือเคมีบำบัดร่วมด้วย...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ :



วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สธ.ญี่ปุ่นสั่งแบน ตับวัวดิบ หลังพบคนกินเสียชีวิต 5 ราย

ตับวัวดิบ หนึ่งในเมนูอาหารชั้นเลิศของญี่ปุ่น

เอเอฟพี - กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นสั่งห้ามภัตตาคารจำหน่ายเมนูตับวัวดิบอย่างไม่มีกำหนด หลังพบผู้บริโภคเสียชีวิต 5 ราย และเจ็บหนักอีก 24 ราย จากการรับประทานตับวัวดิบในเครือร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
       
       ตับวัวดิบหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟพร้อมหัวหอมและซอส จะถูกตัดออกจากเมนูร้านอาหารทุกร้านตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขเผย
       
       “ถ้าคุณนำตับไปปรุงสุก เนื้อมันจะหยาบ แต่ถ้ากินดิบๆ จะกินง่ายมาก” โยชิโกะ มิกิ วัย 38 ปี ซึ่งรีบเดินทางไปลิ้มลองตับวัวดิบที่ภัตตาคารคินตันในกรุงโตเกียว ก่อนที่กฎหมายแบนตับวัวจะมีผลบังคับ เผย
       
       “ตับวัวของที่นี่รสชาติดีเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อคิดว่าจะไม่ได้กินมันอีกแล้ว ก็เศร้าเหมือนกันนะ”
       
       จิฮารุ ไซโตะ จากสมาคมนักวิเคราะห์อาหารแห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า เนื้อสัตว์ดิบหลายชนิดมีวางขายทั่วไปตามท้องตลาด แต่ตับวัวดูจะได้รับความนิยมมากที่สุด


       
       “หากเรามองว่าเนื้อสัตว์ประเภทใดอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้มากที่สุด ดิฉันเชื่อว่า นั่นคงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลเลือกแบนตับวัว”
       
       “ตับวัวถือว่าเป็นเมนูเด่นของร้านอาหารจำนวนมาก และเมื่อจู่ๆรัฐบาลสั่งห้ามขาย ก็ต้องกระทบต่อยอดขายและผลกำไรอย่างแน่นอน”
       
       ยูอิจิ คามาตะ ผู้จัดการบริษัท เอดจ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครือภัตตาคารคินตัน ระบุว่า ลูกค้าร้อยละ 90 มาที่คินตันเพื่อรับประทานตับวัวดิบ ซึ่งราคาจานละประมาณ 1,800 เยน (ราว 710 บาท) แต่ถึงรัฐบาลจะมีคำสั่งห้ามจำหน่ายแล้ว ก็ยังสรุปไม่ได้ว่ากิจการของคินตันจะย่ำแย่ลงหรือไม่ เพราะภัตตาคารก็กำลังคิดค้นเมนูใหม่ๆเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงเมนูที่ใช้ตับวัวปรุงแบบสุกๆ ดิบๆ ด้วย...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 
www.bloggang.com